ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์(E-Payment)
ในชีวิตประจำวันของประชาชนมีความเกี่ยวข้องกับการชำระเงินอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า/บริการ การโอนเงิน หรือการทำธุรกรรมการเงินอื่นใด การขยายตัวของเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้การบริการด้านการชำระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยรูปแบบการชำระเงินมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น การให้บริการมีความรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน และมีผู้ให้บริการรายใหม่ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งมีการนำเอากระบวนการชำระเงินเข้าไปในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกกันว่า ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment)
Electronic Payment system (ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์) คือ กระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา โดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม โทรสาร โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ขั้นตอนการชำระเงิน
- ตกลงซื้อสินค้า กรอกข้อมูลบัตรเครดิต *ข้อมูลส่วนนี้ทางร้านไม่สามารถเห็นได้
- ส่งข้อมูลไปยัง Acquiring Bang (ธนาคารที่ฝ่ายร้านค้าใช้บริการอยู่)
3.Acquiring Bang ทำการตรวจสอบมายังธนาคารผู้ออกบัตร ว่าบัตรเป็นของจริงและสามารถใช้ได้
4.Acquiring Bang ทำการเรียกเก็บเงินจากธนาคารผู้ออกบัตรz
- ธนาคารผู้ออกบัตรโอนเงินไปยัง Acquiring Bang เข้าสู่บัญชีร้านค้า
- ส่งข้อมูลการชำระกลับไปยังร้านค้า
- ร้านค้าส่งข้อมูลการชำระกลับไปยังลูกค้า เพื่อยืนยันการสั่งซื้อ
(E-Payment) มีกระบวนการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากที่สุด ดังนี้
- สั่งซื้อและส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตไปให้ผู้ขาย
- ผู้ขายยืนยันส่งข้อมูลการสั่งซื้อกลับมายังผู้ซื้อ
- ผู้ขายรับข้อมูลการสั่งซื้อ(มองไม่เห็นเลขบัตรเครดิต)
- ผู้ขายส่งข้อมูล Encrypted Payment ไปยังเครื่องบริการด้านการจ่ายเงินทาง online (Cyber Cash Server)
5.Cyber Cash Server รับข้อมูลผ่านทาง Fire wall ถอดรหัสข้อมูลลูกค้าและส่งไปยังธนาคารผู้ขายและผู้ซื้อ
- ธนาคารผู้ขายร้องขอให้ธนาคารผู้ซื้อรับจ่ายเงินตามจำนวนเงินตามยอดบัตรเครดิต
- ธนาคารผู้ซื้อตรวจสอบข้อมูล แล้วส่งกลับไปว่าอนุมัติหรือไม่ และ transfer ยอดเงินให้ผู้ขาย
8.Cyber Cash Server รับข้อมูลส่งต่อไปยังผู้ขายเพื่อส่งข้อมูลไปยังผู้ซื้อต่อไปปัจจัยสู่ความสำเร็จ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จมี 4 ประเด็น คือ
(1) การบริการลูกค้า เทคโนโลยีต้องเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรกับประชาชน ลดขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน ให้สารสนเทศที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการ
(2) การออกแบบและประเมินผล บริการต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและรักษาระบบให้มีเสถียรภาพแม้ในภาวะวิกฤติ กำหนดนโยบายและกระบวนการรับข้อร้องเรียนที่ชัดเจน ติดตามผลและปรับปรุงระบบช่วยสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
(3) ความมั่นคง-ปลอดภัย บริการต้องอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ และให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล
(4) การเห็นคุณค่าและความสำคัญ บริการที่ดีต้องถูกให้ความสำคัญในลำดับสูงสุดจากทุกภาคส่วน ผู้นำประเทศ นักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ระดับสูง และพนักงานของรัฐ ต้องให้การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และตอบข้อสงสัยแก่ประชาชนผ่านการสื่อสารสองทางอย่างประสิทธิภาพ
(5) การรักษาความปลอดภัย
ความต้องการการรักษาความปลอดภัย (security requirements) มีองค์ประกอบ ดังนี้
1.ความสามารถในการระบุตัวตนได้ (Anthentication)
2.ความเป็นหนึ่งเดียวของข้อมูล (Integriry)
3.ความไม่สามารถปฏิเสธได้ (Non-repudiation)
4.สิทธิส่วนบุคคล (Privacy)
วิธีการรักษาความปลอดภัย
• การใช้รหัส (Encryption)
• ใบรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic certificate)
• โปรโตคอล (Protocols)
ประโยชน์ e-payment ในองค์กร
- การสั่งชำระเงิน และการรับชำระเงินมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ด้วยระบบ E – Pay ท่านไม่จำเป็นต้องเดินทางไปชำระเงินด้วยวิธีการเดิมๆ อีกต่อไป ท่านสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร และเวลาที่เสียไปจากการเดินทางรวมถึงความเสี่ยงจากการถือเงินสด เป็นต้น
- เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารการเงิน
เนื่องจากการบริการ E – Pay เป็นการชำระเงินแบบ Online และ Real Time จึงเพิ่มความสะดวกในกรณีที่ท่านต้องการสั่งชำระเงินเป็นกรณีเร่งด่วนโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปชำระเงินเหมือนระบบเดิม โดยผู้รับเงินสามารถรับเงินและนำเงินไปบริหารต่อได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 นาที โดยไม่ต้องรอการเคลียร์ริ่งของธนาคาร ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินสดของบริษัทอีกทางหนึ่ง
- ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลการทำรายการ
ระบบ E – Pay จะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้ เช่น เลขที่บัญชีผู้มีอำนาจในการสั่งจ่าย ,
วงเงินในการสั่งจ่าย เป็นต้นทำให้ท่านสามารถทำงานได้รวดเร็วและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดพิมพ์เอกสารได้ทำให้การดำเนินงานทางด้านบัญชีและการเงินของบริษัทจึงมีความสะดวก รวดเร็ว
และถูกต้องมากยิ่งขึ้น
- การยืนยันการตัดบัญชีและการนำเงินเข้าบัญชี
ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้สั่งชำระเงิน หรือรับชำระเงินก็จะได้รับข้อความยืนยันการตัดบัญชี (Debit Advice)และข้อความยืนยันการนำเงินเข้าบัญชี (Credit Advice) จากธนาคารผ่านระบบ E – Payเมื่อรายการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์โดยท่านไม่ต้องสอบถามผลของการทำรายการไปที่ธนาคารโดยตรง
- เสริมสร้างความคล่องตัวในการทำงาน
ท่านสามารถเลือกใช้บริการกับธนาคารต่างๆ ที่เข้าร่วมให้บริการ หรือเปลี่ยนแปลงไปใช้ธนาคารอื่นในภายหลังก็ทำได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเปลี่ยนโปรแกรมหรือขั้นตอนการทำงานแต่อย่างใด
อ้างอิง
http://somsukjalarn.blogspot.com/2012/03/e-payment.html
กรุงศรี e-Payment (direct debit)
Krungsri e-Payment เป็นบริการรับชำระเงินที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ผ่านทาง
อินเทอร์เน็ต บริการนี้ช่วยให้ผู้ซื้อสินค้าสามารถเลือกซื้อสินค้า/บริการและชำระเงินได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ทุกที่ทุกเวลาตาม
ต้องการ ด้วยความมั่นใจจากระบบความปลอดภัยระดับสากล เป็นอีกระดับของบริการที่ช่วยให้การบริหารการขายมีประสิทธิภาพ
มากขึ้น
คุณลักษณะบริการ
– บริการรับชำระเงินค่าสินค้า/บริการบนเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
– ผู้ซื้อสามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้ 2 วิธี ได้แก่
(1) ชำระด้วยการหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีฯ (Direct Debit) โดยผู้ซื้อต้องเป็นสมาชิกกรุงศรีออนไลน์
(Krungsri Online : KOL)
(2) ชำระด้วยบัตรเครดิต (Credit Card) ได้แก่ Visa, MasterCard จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก
– รองรับ 13 สกุลเงินหลัก ได้แก่ THB, USD, EUR, JPY, GBP, CHF, AUD, HKD, SGD, DKK, NOK, SEK และ CNY
– อนุมัติรายการสั่งซื้อสินค้า/บริการของผู้ซื้อแบบทันที (Real-Time Authorization) และแจ้งผลการทำรายการสั่งซื้อ
แก่ผู้ซื้อและร้านค้าทันที (Instant Online Confirmation)
– ระบบ e-Mail Confirmation เพื่อแจ้งให้ร้านค้าและผู้ซื้อรับทราบถึงผลการทำรายการนั้นๆ
– รองรับการเชื่อมต่อผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าได้หลายภาษาโปรแกรม โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ ที่ระบบของร้านค้า
(Easy to Use)
– ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้า/บริการ หลังจากทำการสรุปยอดขายส่งให้แก่ธนาคารในวันทำการถัดไปทันที (Get Paid Fast)
– รองรับการทำรายการด้วยบัตรที่ลงทะเบียน Verified by Visa (VbV), MasterCard SecureCode (MCSC) และ J/Secure
– สามารถปรับแต่งรูปแบบของหน้าชำระเงินเพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจ และเข้ากันได้กับ website ของร้านค้า
ระบบ Krungsri Payment Manager (Merchant Back Office Admin.) โดยมี feature หลักๆ ดังนี้
o ค้นหารายการสั่งซื้อ (Order Search)
o การเรียกเก็บเงิน/การคืนวงเงิน รายการสั่งซื้อ (Settlement/Void) โดยสามารถเรียกเก็บเงินได้แบบบางส่วนหรือเต็มจำนวน
(Partial/Full Settlement)
o รายงานต่างๆ (Reports)
o ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารผ่านอีเมล์ (Contact Us via e-Mail Service)
o เปลี่ยนรหัสผ่าน (Change Password)
o รับทราบข่าวสารและความเคลื่อนไหว (News and Messages)
มั่นใจในความปลอดภัยมาตรฐานสูงสุด
เพราะเข้าใจดีว่า ระบบความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นธนาคารจึงให้ความสำคัญ
กับการเลือกสรรเทคโนโลยีโดยธนาคารเลือกใช้ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล
1. การติดตั้ง Firewall 2 ชั้น
2. การเข้ารหัสข้อมูล SSL (Secured Socket Layer) ที่ 128 bits ของ Verisign ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
3. การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยโดยมีการเข้ารหัสทุกขั้นตอนของการรับส่งข้อมูล (End to End Encryption)
4. Fraud Protection เป็น feature หลักที่ถูกพัฒนามาเพื่อตรวจสอบและแจ้งถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายใต้การใช้
บัตรเครดิตใบนั้นๆ (ช่วยร้านค้าในการตัดสินใจในการเรียกเก็บเงินหรือไม่ เท่านั้น)
5. Fraud Blocking ร้านค้าสามารถเลือกทำการรับหรือไม่รับรายการที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการทุจริตของบัตรสูงได้
นอกจากนั้นยังสามารถเลือกรับบัตรแต่ละประเภทได้อย่างอิสระ
6. 3D Secure : Verified by Visa (VbV), MasterCard SecureCode (MCSC) และ J/Secure เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขั้นสูงสุด
ในการคุ้มครองผู้ซื้อ และร้านค้าจากการโจรกรรมบัตรหรือการปลอมแปลงเบอร์บัตร
ดังนั้นจึงสามารถเชื่อใจได้ว่า ข้อมูลสำคัญของการทำธุรกรรมของผู้ซื้อ/ร้านค้าจะได้รับการป้องกันอย่างดีที่สุดภายใต้ระบบ
Krungsri e-Payment
กระบวนการทำงาน
1. ผู้ซื้อเข้ามาที่เว็บไซต์ร้านค้าและเลือกซื้อสินค้า/บริการตามที่ต้องการ
2. ผู้ซื้อสินค้า/บริการ สามารถชำระเงินบนเว็บไซต์ของร้านค้าผ่าน Krungsri e-Payment ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถ
เลือกวิธีการชำระเงินได้ 2 วิธี คือ
(1) Direct Debit: หักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีฯ ของผู้ซื้อที่เป็นสมาชิกกรุงศรีออนไลน์
(กรอก User ID & Password ของกรุงศรีออนไลน์)
(2) Credit Card: หักบัญชีบัตรเครดิต Visa, MasterCard จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก
(กรอกข้อมูลบัตรเครดิต)
3. ร้านค้าส่งรายการสั่งซื้อและยอดชำระเงินมายังระบบ Krungsri e-Payment เพื่อทำการส่งข้อมูลคำสั่งซื้อไปยังธนาคาร
4. ธนาคารจะพิจารณาอนุมัติรายการสั่งซื้อสินค้า/บริการและวงเงินของผู้ซื้อแบบทันที (Real-Time Authorization) และแจ้งผล
การทำรายการแก่ผู้ซื้อและร้านค้าทันที (Instant Online Confirmation และ e-Mail Confirmation) ผ่านระบบ
Krungsri e-Payment
5. ผู้ซื้อสินค้า/บริการจะเห็นหน้าจอแสดงผลการทำรายการจากเว็บไซต์ร้านค้า
6. เมื่อร้านค้ายืนยันการจัดส่งสินค้ากับผู้ซื้อสินค้าแล้ว สามารถดำเนินการตรวจสอบรายการ (Transaction Log) สรุปยอดขาย
(Settlement) และเรียกดู/จัดพิมพ์รายการต่างๆ (Reporting) ได้จากระบบ BAY Payment Manager ได้ตลอด24ชม. ผ่านทาง
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Real-Time Sales Tracking with Online System
7. ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้า/บริการ หลังจากทำการสรุปยอดขายส่งให้แก่ธนาคารในวันทำการถัดไปทันที
(Get Paid Fast)
ขั้นตอนในการสมัครเป็นร้านค้าสมาชิก
1. เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ทุกสาขา เพื่อใช้เป็นบัญชีรับเงินของร้านค้า
2. กรอกแบบฟอร์มใบสมัครของธนาคาร โดยสามารถ Download ได้จากเว็บไซต์ธนาคาร
http://www.krungsri.com/epayment.htm
3. นำส่งแบบฟอร์มใบสมัคร พร้อมแนบเอกสารประกอบ แก่สาขาเจ้าของบัญชี
4. ธนาคารอนุมัติการสมัครบริการฯให้บริษัท/ร้านค้า
5. บริษัท/ร้านค้าลงนามทำสัญญาเพื่อขอใช้บริการ Krungsri e-Payment ของธนาคาร
6. ธนาคารติดต่อบริษัท/ร้านค้าเพื่อร่วมทดสอบระบบ Krungsri e-Payment โดยร้านค้าสามารถทดลองใช้งานระบบ
Krungsri Payment Manager เพื่อเรียกดูรายการและ รายงานประเภทต่างๆ
7. บริษัท/ร้านค้าแจ้งธนาคารถึงกำหนดพร้อมเปิดใช้บริการ
8. เมื่อทดสอบแล้วเสร็จ ธนาคารนำส่ง Merchant ID ชุดใช้งานจริงและ User ID & Password ในการเข้าสู่ระบบ
Krungsri Payment Manager ให้แก่บริษัท/ร้านค้า
9. ระบบ Krungsri e-Payment พร้อมให้บริการ
ระยะเวลาทั้งสิ้นนับตั้งแต่ธนาคารได้รับเอกสารจากบริษัท/ร้านค้า จนกระทั่งพร้อมให้บริการได้อยู่ที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์
ขึ้นอยู่กับ ความครบถ้วนของเอกสารทั้งหมดที่บริษัท/ร้านค้ายื่นต่อธนาคาร และความพร้อมทางด้านเทคนิคของร้านค้า/บริษัท
ในการการเชื่อมต่อระบบ
เงื่อนไขการใช้บริการ
1. ร้านค้าผู้สมัครจะต้องมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
2. เป็นร้านค้าประเภทนิติบุคคล ที่ได้ทำการจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ปี และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (กรณีไม่ครบ 1 ปี
ต้องมีทุนจดทะเบียน และเรียกชำระไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท)
3. ธุรกิจที่ร้านค้าประกอบต้องเป็นการขายสินค้า/บริการที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม
ตัวอย่างประเภทธุรกิจที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม เช่น
-ธุรกิจขายยาทุกประเภท ธุรกิจขายบุหรี่ ยาเส้น สารเสพติดทุกชนิด
-ธุรกิจขายสินค้าอบายมุข สื่อลามก อนาจาร ธุรกิจการจัดหาคู่
-ธุรกิจ Time Sharing Business ธุรกิจ Cyber Mall
-ธุรกิจขายอาวุธ ธุรกิจการพนัน เป็นต้น
4. มีสถานที่ประกอบการตั้งอยู่ในประเทศไทย และมีความน่าเชื่อถือ
5. ผู้ถือหุ้นต้องมีประวัติการเงินที่ดี
6. ในกรณีที่ลูกค้าปฏิเสธการชำระเงิน ร้านค้ายินยอมให้ธนาคารดำเนินการตัดเงินในบัญชีร้านค้าได้ โดยธนาคารจะแจ้ง
ให้ร้านค้าทราบล่วงหน้า
7. ร้านค้าจะต้องมีเงินค้ำประกันกับธนาคาร โดยเงินประกันดังกล่าวจะได้รับคืนหลังจากยกเลิกสัญญากับธนาคารไม่น้อยกว่า
6 เดือน
เอกสารประกอบการสมัคร
1. สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม (อายุ 20 ปีขึ้นไป) และหากเป็นชาวต่างชาติ แสดงสำเนาหนังสือเดินทางและ
work permit
2. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีอำนาจลงนาม
3. สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด พร้อมวัตถุประสงค์ต้องจดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า
1 ปีขึ้นไป (อายุไม่เกิน 30 วัน)
4. สำเนาหนังสือรับรองตราประทับบริษัทฯ (บอจ.3)
5. สำเนาสัดส่วนผู้ถือหุ้น (บอจ.5) กรณีที่กรรมการถือหุ้นเกิน 20% ให้แนบสำเนาบัตรประชาชน
6. สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
7. สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT ID) (ภพ.20)
8. ผลประกอบการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
9. สำเนาหนังสือทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ถ้ามี)
10. แผนที่และรูปถ่ายที่ตั้งสถานประกอบการ
11. เอกสารแสดงสถานการณ์ครอบครองสถานที่ประกอบการหรือสัญญาเช่า
12. พิมพ์ตัวอย่างโฮมเพจของร้านค้า (หน้าแรกของเว็บไซต์)
13. อากรแสตมป์ 30 บาท
14. กรณีที่เป็นธุรกิจ Travel Agent ที่จัดนำเที่ยว จะต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งออกโดยการท่องเที่ยว
แห่งประเทศไทย (ททท.)
15. กรณีเป็นธุรกิจที่มีลิขสิทธิ์ ต้องมีเอกสารแสดงความป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
หมายเหตุ
1. เอกสารทุกแผ่นต้องลงนามรับรองสำเนาถูกต้องพร้อมประทับตรา
2. ธนาคารขอสงวนสิทธิ์สำหรับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
อัตราค่าธรรมเนียม
• ค่าธรรมเนียมแรกเข้า: 4,000 บาท/Merchant ID
• ค่าธรรมเนียมรายปี: 2,000 บาท/Merchant ID ยกเว้นกรณีมีรายการที่สรุปยอดขายแล้ว เกินกว่า 20 รายการต่อปี)
• ค่าธรรมเนียมต่อรายการการทำธุรกรรม:
– ชำระด้วยบัตรเครดิต Visa, MasterCard 3-5% ของมูลค่าขาย
– ชำระโดยวิธีการหักบัญชีเงินฝาก: รายการละ 20 – 100 บาททั่วประเทศ(โดยร้านค้าหรือผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม)
• ร้านค้าจะต้องมีวงเงินประกันขั้นต่ำที่ต้องฝากไว้ในบัญชีของกิจการที่เปิดไว้อยู่กับธนาคาร (ขั้นต่ำ 200,000 บาท) ซึ่งจำนวนเงิน
ดังกล่าว จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ของร้านค้า อาทิ ประเภทธุรกิจ ลักษณะสินค้า ราคา และระยะเวลาดำเนินกิจการเป็นต้น
(ทั้งนี้การกำหนดวงเงินดังกล่าวขึ้นอยู่กับธนาคารจะเห็นสมควร)
อ้างอิง
http://www.krungsri.com/th/consumer-detail.aspx?did=379